หนังสือเล่มนี้ดูผิวเผินจากรูปลักษณ์ภายนอกอาจจะทำให้เข้าใจว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาสายทิเบต แต่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่สรุปเกี่ยวกับศาสนาพุทธนิกายมหายานได้ดีเล่มหนึ่ง มีทั้งการอธิบายที่มาของพุทธมหายาน ที่หลอมรวมกับบริบททางวัฒนธรรมตามเส้นทางการเผยแพร่ศาสนาพุทธในอดีต รวมถึงรายละเอียดของศาสนาพุทธนิกายมหายานแขนงต่างๆ ซึ่งเนื้อหาสำคัญในหนังสือเล่มนี้ถูกเรียบเรียงจากการแสดงธรรม และการบรรยายขององค์ทะไลลามะ ในปีค.ศ. 1998 ที่เมืองพิตต์สเบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย สำหรับใครที่สงสัยเรื่องความแตกต่างของศาสนาพุทธเถรวาทกับพุทธมหายานหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ควรค่าแก่การอ่าน เพื่อเพิ่มพูนความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยเนื้อหาที่อ่านง่าย กระชับ ที่จริงหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยหลักธรรมที่สามารถเชื่อมโยงระหว่างเถรวาทและมหายาน เหมาะที่ใช้เป็นตำราเรียน หรือเอกสารอ้างอิงในการค้นคว้าเพิ่มเติมในข้อแตกต่างของศาสนาพุทธทั้งสองนิกาย จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้คือ การอธิบายทฤษฎีหรือหลักธรรมทางศาสนาพุธให้เข้าใจง่าย มีการแบ่งหมวดหมู่ของนิกายต่างๆ ในศาสนาพุทธรวมถึงแนวคิดของแต่ละนิกายด้วยภาษาที่อ่านแล้วลื่นไหล ที่เป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ถูกถอดความมาจากการบรรยายขององค์ทะไลลามะที่เมืองพิตต์สเบิร์ก มลรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศอเมริกา ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของหนังสือเล่มนี้คือมีการตั้งข้อสังเกตแนวคิดทางศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ ได้อย่างสร้างสรรค์น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำบุญที่เน้นการสร้างวัดของคนพุทธ หรือการเผยแพร่ศาสนาของชาวคริสต์ผ่านคณะมิชชั้นนารีด้วยการทำประโยชน์ด้านสาธารณสุขและการศึกษา เป็นต้น ซึ่งเนื้อหาในตอนนี้อยู่ในส่วนของหัวข้อเรียนรู้จากศาสนาอื่น ใครที่สนใจเกี่ยวกับศาสนพุทธในส่วนแนวคิด หลักธรรมคำสอน ของพุธทแบบมหายานแบบเนื้อๆ เน้นๆ ไม่ควรพลาดที่จะอ่านหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ
Review หนังสือ Osho
ข้าพเจ้าตกหลุมรัก….ในร้านหนังสือ
เดือนแห่งความรักทั้งทีเล่าเรื่องรักกันดีกว่า….. เริ่มอยากรู้แล้วใช่มั้ยหล่ะ เร่เข้ามาเล้ย 555 ความเผือกเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ โดยเฉพาะเรื่องรัก เรื่องลับ ใครไม่สนนี่ก็แปลกหล่ะ 😉 เมื่อราวๆ 5 ปีก่อน ข้าพเจ้าได้รับช่วงกิจการ cafe’ ห้องแถวเล็กๆ แห่งหนึ่ง ใน cafe’ เล็กๆ นี้ เดิมเคยขายหนังสืออยู่ด้วย ร้านที่ได้มาจึงมีชั้นหนังสือติดมาด้วย เพื่อความง่ายและสะดวกที่จะทำร้านต่อได้ หุ้นส่วนทุกคนตัดสินใจเปิดร้านต่อในสภาพเดิมที่ยังมีชั้นหนังสืออยู่เหมือนเก่า ที่ร้านเริ่มจากขายหนังสือที่เราอ่าน หนังสือที่บ้านเรามี และสำนักพิมพ์ที่เรารู้จัก งานร้านหนังสือเป็นงานที่ยาก และกำไรน้อย ยิ่งในช่วงเวลาที่สื่อดิจิตอลเข้าครอบงำโลกใบนี้ด้วยแล้ว ร้านหนังสือเป็นกิจการที่แลดูไม่มีอนาคตเลย ในปีที่ 3 ของการเปิดร้านหนังสือแบบบังเอิญๆ ข้าพเจ้าเริ่มคิดได้ว่า…. อันที่จริงการเปิดร้านหนังสือก็ไม่เลวนัก อย่างน้อยก็ได้อ่านหนังสือที่เลือกมาขายในร้าน ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีเวลาได้อ่านมากนักหรอก แต่ที่ดีกว่าการอ่านหนังสือคือ…การได้เจอคนอ่านหนังสือประเภทเดียวกัน และที่ดียิ่งกว่าคือ… การได้แนะนำหนังสือให้เพื่อนใหม่ๆ ที่ปรากฏกายในรูปแบบของลูกค้า เดี๋ยวนี้หนังสือออกกันเยอะมาก…